วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Folder and Printer Sharing การแชร์โฟลเดอร์/เครื่องพิมพ์

                      
The Atmosphere of My 2003 Computer Class at 4th Floor of Building1.
They were energetic and very nice schoolkids I have ever experienced.

บรรยากาศห้องเรียนคอมพิวเตอร์  2546 สมัยยังอยู่ชั้น 4  อาคาร 1 
พวกเขาเป็นเด็กนักเรียนที่ขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียน และเป็นเด็กดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งเท่าที่ครูเคยเจอ
All of us use Windows7 as the operating software, and our computers are connected together within the workgroup of the LAN (local area network). So we should gain the benefit of its sharing capability. Here we go!
ตอนนี้พวกเราล้วนแล้วแต่ใช้ Windows7 เป็นซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (ในห้องเรียน และที่บ้านด้วย)  และเครื่องของพวกเราก็เชื่อมต่อกันเป็นเวิร์กกรุ๊ปในระบบแลน  ดังนั้นเราก็น่าจะใช้ความสามารถในการแชร์ทรัพยากรระหว่างกันได้  ลองดูกัน

1. FOLDER SHARING
        การแชร์โฟลเดอร์

Be sure we have to specify what folder that we want to share?  
ต้องระบุโฟลเดอร์ที่ต้องการแชร์



"BOOKS" is the folder of us to be shared.
ฟลเดอร์ "BOOKS" คือโฟลเดอร์ที่เราอยากแชร์

 Make a right clicking with the folder, the dialogue box appears. Select the "Sharing" tab and the "Advanced Sharing" button
คลิกขวาที่โฟลเดอร์  กรอบโต้ตอบจะปรากฏขึ้น  เราก็เลือกแท็บ 
"Sharing" และปุ่ม 
"Advanced Sharing"


Now the folder has never been shared yet (Not Shared)
ตอนนี้โฟลเดอร์นี้มีสถานภาพไม่ได้ถูกแชร์ไว้

 Properties window of the folder appears and we should select to share it with others. Now we can see the maximum number of users to simultaneously enter to the folder is 20. Then we can click on the "Permission" button.
จะปรากฏหน้าต่างพรอพเพอร์ตีส์ (คุณสมบัติ) ของโฟลเดอร์นี้ขึ้นมา  และเราก็ต้องเลือกว่าจะแชร์กัน  และจะเห็นว่า เพื่อนๆ จะเชื่อมต่อเข้ามาใช้โฟลเดอร์ของเราพร้อมกันได้เต็มที่ 20 เครื่อง แค่นั้น  ต่อมาก็เลือกคลิกปุ่ม "Permission"

Tick the check-box, and we can change the share name or ignore it.
ติ๊กเลือกว่าจะแชร์  จะเปลี่ยน/หรือไม่เปลี่ยนชื่อที่จะแชร์ก็ได้

After clicking on the permission button, the Permissions window shows up, you can add any user e.g. "student" and you can change the permission type of the user.
หลังจากคลิกปุ่ม permission  จะมีหน้าต่างโผล่มาให้เราปรับเปลี่ยนตามความต้องการ

We can add user/ specify his permission level.
เราสามารถเพิ่มยูสเซอร์ / ระบุระดับการอนุญาตใช้งานโฟลเดอร์ของเราแก่เขา

Finally click on the "Apply" button, the folder now has been shared. 
เมื่อเราคลิกปุ่ม "Apply" โฟลเดอร์ของเราก็ได้รับการแบ่งปันให้ใช้ร่วมกันได้ในเครือข่ายแล้ว

Well, our folder has been shared.
Folder ของเราได้รับการแชร์กันใช้เรียบร้อยแล้ว

Sample Special
ตัวอย่าง


This is from my computer (Its hostname is "ALPHA00".), when I click on the "Network" (at the left pane of Windows7 "Computer explorer" )  some computer hostnames appears.  Yes, I want to randomly select any hostname. If the target of mine is "KACHATUCH", yes I would make a double-click on it.
นี่เป็นคอมพิวเตอร์ของครูที่ห้องพักครู (โฮสต์เนมว่า ALPHA00)  เมื่อครูคลิกเลือก Network (อยู่ตรงแถบซ้ายของหน้าต่าง Computer explorer ของ Windows7 ก็จะปรากฏโฮสต์เนมต่างๆ ในเครือข่าย  แน่นอนว่า ครูก็คงต้องสุ่มเลือกเข้าไปใช้เครื่องใดสักเครื่อง  ที่ครูเล็งไว้ก็คือเครื่องที่มีโฮสต์เนมว่า Kachatuch

My Target Hostname is "KACHATUCH"
เครื่องที่ครูเล็งไว้คือ โฮสต์เนมที่ชื่อว่า Kachatuch

The shared folders of the hostname will be appeared. Then we can do a random selection and we can find any other subfolders that we can select to use.
ตอนนี้ก็จะเห็นโฟลเดอร์ที่โฮสต์เนม Kachatuch  เราก็คงต้องสุ่มเลือกโฟลเดอร์  แล้วเราก็จะเห็นโฟลเดอร์ย่อยๆ ที่เราสามารถจะเลือกเข้าไปใช้ได้ 

The Shared Folders of "Kachatuch" appears, any folder could be selected.
  If any shared folder had been selected its subfolders would be revealed. 

แชร์โฟลเดอร์ของโฮสต์เนม "Kachatuch" ก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็น เราสามารถเลือกโฟลเดอร์ไดก็ได้
ถ้าแชร์โฟลเดอร์ใดถูกเลือกเข้าใช้ โฟลเดอร์ย่อยๆ ก็จะได้รับการเปิดตัวออกมาให้เห็นฝเลือกใช้ได้



 2. PRINTER SHARING
        การแชร์พรินเตอร์


 Click the "Start button" of Windows7 desktop, the pop-up menu appears, then select "Devices and Printers", the target printer of us will be appeared.
จากปุ่ม Start ของ Windows7 เราก็เลือก "Devices and Printers"  ก็จะเจอพรินเตอร์ที่เราอยากจะแชร์กันใช้

Select the printer

 Make a right click on the printer icon, the select menu will show up, then select "Printers properties" option.  Then we can operate sharing easily.
คลิกขวาที่รูปพรินเตอร์ จะมีป็อปอัพเมนูโผล่ขึ้นมา ให้เราเลือก "Printers properties" ต่อจากนี้ เราก็คงจะปฏิบัติการแชร์พรินเตอร์ได้ไม่ยากแล้ว...

Select : Printer Properties

Click on the "Sharing tab", and we can rename the sharing printer.
เลือกแท็บ Sharing และสามารถเปลี่ยนชื่อพรินเตอร์ที่กำลังจะแชร์ได้ด้วย

Select the Sharing Tab
  
Select to share
Computer Network คืออะไร
Computer Network คือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้ ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client/Terminal)  
     ระบบเครือข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร   เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก   ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ใช้   ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ 
     รูปแบบของเน็ตเวิร์คแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. LAN (Local Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่จำกัด เช่นภายในตึกสำนักงาน หรือภายในโรงงาน ส่วนมากจะใช้สายเคเบิ้ลในการติดต่อสื่อสารกัน
2. MAN (Metropolitan Area Network) เป็นการนำระบบ LAN หลายๆ LAN ที่มีพื้นที่อยู่ใกล้เคียงกันมาเชื่อมต่อกัน ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่นเชื่อมต่อกันในเมือง หรือในจังหวัด เป็นต้น
3.WAN (Wide Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันแบบกว้างขวาง อาจจะเป็นภายในประเทศ หรือระหว่างประเทศเป็นการใช้ หลายๆ LAN หรือหลายๆ MAN ซึ่งอยู่คนละพื้นที่ เชื่อมต่อเข้าหากัน เช่น สำนักงานที่ New York เชื่อมต่อกับที่ London การติดต่อสื่อสารกัน อาจจะใช้ตั้งแต่สายโทรศัพท์จนกระทั่งถึงดาวเทียม
    -อาจจะมีอีกประเภทหนึ่ง คือ SAN (Small Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่ขนาดเล็กมาก อาจจะเป็นในบ้าน หรือสำนักงานขนาดเล็กที่มีจำนวนของคอมพิวเตอร์ไม่ควรจะเกิน 10 เครื่อง

Figure 1   What is Computer Network  เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร

Figure 2  Computer Network classified by Area Width
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำแนกตามขนาดของพิ้นที่


Figure 3  Types of Network Topology
รูปแบบการเชื่อมต่อของเครือข่าย


Figure 4   Star/Extended Star Topology
รูปแบบการเชื่มต่อแบบสตาร์ และแบบสตาร์หลายๆ กลุ่ม

Figure 5   The Client-Server Network What/How
เครือข่ายแบบ แม่ข่าย-ลูกข่าย

::      ::      ::

What/How of the Network in Comp102 Classroom?

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนคอมพ์102 เป็นแบบไหน/อย่างไร


Because the operating software (OS) of all computers in classroom-102 is Windows7, so any students who use them, those machines, should better understand how they work, especially how to use the network of them.

พราะซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในห้องเรียน 102 คือ Windows7 ดังนั้นนักเรียนก็น่าจะต้องรู้ว่า มันมีวิธีการทำงานอย่างไร โดยเฉพาะระบบเครือข่าย 

Our computers in comp102 classroom are connected together with the UTP (unshielded twisted pair) cables. Why? Because the unshielded cables are lower cost than the shielded cables which have been used in the signal noisy areas e.g.  airports, factories, etc. The style of their connection is "Star Topology" which each machine has its own cable which connects directly to the hub/switch.  A hub/switch is the center point of cables (both devices are similar to each other but a switch is more clever than a hub) . Well our network is called Local Area Network (LAN). Any LAN must has its workgroup name which required by the Operating System (OS) of each computer, Windows7 . But the administrator(the teacher) of this LAN  named it "comp2" workgroup. 

ครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน 102 เชื่อมต่อด้วยสายเครือข่ายแบบ สายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน หรือสายยูทีพี ทำไมต้องเป็นสายแบบนี้?  เพราะราคาสายแบบนี้มันถูกกว่า สายเคเบิลแบบหุ้มฉนวน ที่ใช้กันในพื้นที่ที่มีการรบกวนสัญญาณมาก เช่น โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม  ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ฯลฯ และการที่ต้องบิดเป็นเกลียวก็เพื่อให้ป้องกันการรบกวนสัญญาณนั่นเอง  ซึ่งรูปแบบหรือโทโพโลยีของการต่อระบบแลน จะเป็นแบบสตาร์โทโพโลยี  นั่นคือเครื่องทุกเครื่องก็จะมีสายเคเบิลเป็นของตนเองไปโยงกับฮับ/สวิตช์ ที่ถือว่าเป็นจุดรวมศูนย์ของสายเคเบิลนั่นเอง (ทั้งสองอุปกรณ์ทำหน้าที่เหมือนกัน แต่สวิตช์จะมีความสามารถในการจัดการมากกว่า เช่น สายใดที่ไม่มีการเชื่อมต่อ สวิตช์มันก็จะตัดออกจากระบบ เป็นต้น)  ระบบเครือข่ายของเราเรียกว่า แลน  โดยแลนแต่ละวงจะต้องมีการกำหนดชื่อ เวิร์กกรุ๊ป ซึ่งของห้องเรียน 102 ครูผู้สอนกำหนดชื่อว่า comp2 


The Teacher Teaches About Programming Using C-Language in Comp102 Classroom
ครูผู้สอน ขณะกำลังสอนเกี่ยวกับการโปรแกรมด้วยภาษาซี ณ ห้องเรียนคอมพ์102

::      ::      ::


If we consider only the "comp2-workgroup LAN", it is a peer-to-peer network that every machine is independent from each other but shares its files/folders/printers to its peers. On the other hand, when this workgroup connects to the server computer of "the School Media Center", it must be a client-server network. 

ถ้าพิจารณาเฉพาะเครือข่ายห้องเรียนคอมพ์102 มันจัดว่าเป็น เครือข่ายแบบ-เพื่อน-ถึง-เพื่อน หรือ peer-to-peer  นั่นหมายถึงว่า คอมพิวเตอร์แต่ละเครืองในวงแลนจะเป็นอิสระจากกันและกัน เพียงแต่มาร่วมกลุ่มกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในหมู่เพื่อนแค่นั้น  ในอีกทางหนึ่ง หากนำเอาวงแลนนี้ไปต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือ server computer ที่อยู่ในห้องศูนย์สื่อ ของโรงเรียน  เครือข่ายก็จะกลายเป็นแบบ "แม่ข่าย-ลูกข่าย" หรือServer-Client Network


What is about the client-server network? It means that the server computer of "the Media Center" is the manager/boss of other computers which are only the clients. The server computer has been installed with the operating-software-for-server such as Windows2003server/Windows2008server , Linux or  Unix, which can manage the client computers of the network. The clients have to obey the server because the latter has the power to control/ban the former. Yes, the clients can never control/manage the server.
 ครือข่ายแบบ Server-Client Network เป็นแบบใด? ก็หมายความว่า เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ของศูนย์สื่อคือ ผู้จัดการ/นาย ของเครื่องอืนๆ ที่มีสถานะเป็นแค่ลูกน้อง หรือClient แค่นั้น  การที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์สามารถบริหารจัดการเครืองลูกข่ายของมันได้นั้น เพราะมันได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแบบแม่ข่ายเอาไว้นั่นเอง อาทิ Windows2003server/Windows2008server , Linux หรือ  Unix ซึ่งเครื่องลูกข่ายจะต้องยอมให้ตนเองถูกจัดการได้ เพราะซอฟต์แวร์ระบบของเครื่องแม่ข่ายสามารถควบคุม/สั่งแบน เครื่องอื่นๆ ได้  ในขณะที่เครื่องอื่นๆ ไม่สามารถบริหารจัดการเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้นั่นเอง  

Every machine in the network is required to have its unique "hostname" and "IP address".  Only the server computer has the "static IP-address" while the IP addresses of the client computers are "dynamic" specified/controlled by the sever. If the user of any client computer specify the static IP address himself, the server computer can never share the Internet connection because the "IP address conflict" problem could be occurred easily. Then the alien client will be kicked off /faded away from the network simultaneously. Yes, the server computer is the "Internet gateway" of the network.

อมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องมีชื่อเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใคร เรียกว่า Hostname  และต้องมีรหัสหมายเลขเครื่องกำกับไว้ เรียกว่า IP-address  และในเครือข่ายแลนก็จะมีแค่เพียงเครื่องแม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์เท้านั้น ที่มีรหัสไอพีแอสเดรสแบบคงที่ เรียกว่ามี static IP-address   ขณะที่ไอพีแอสเดรสของคอมพิวเตอร์ลูกข่ายทั้งหลาย จะไม่คงที่ หรือDynamic  ส่วนจะเป็นรหัสไอพีอะไรนั้น เครื่องเซิรฟเวอร์จะเป็นตัวจัดการให้เอง โดยยึดหลัก FIFO (First In, First Out) ก็หมายความว่า เครื่องลูกข่ายตัวไหนเชื่อมต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่อนก็จะๆด้รับการจ่ายรหัสไอพีให้ก่อน-หลัง ตามลำดับไป  แต่ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายตัวไหนไปดำเนินการกำหนดรหัสไอพีแอสเดรสของตัวเองเป็นแบบคงที่ละก็ คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ก็จะถูกเครื่องเซิร์ฟเวอร์เฉดหัวออกไปจากระบบ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหารหัสไอพีชนกันได้ในระบบ และเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในฐานะเกตเวย์หรือทางออกสู่อินเทอร์เน็ตของระบบ ก็จะไม่ยอมแบ่งปันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้กับเครื่องนั้นๆ 

OK., after selecting the "Local Area Network" option, the "Local Area Network Connection Status" window appears. You can see its speed of packets transmission (100 Mbps) , bytes of the sent/received packets. 

ลังจากที่นักเรียนเลือก  "Local Area Network" หน้าต่างที่ชื่อ "Local Area Network 
Connection Status" ก็จะโผล่หน้ามาให้ยล ตรงนี้แหละนักเรียนก็จะเห็นได้ว่า ความเร็วของเครือข่ายเราขนาดไหนในการส่งแพ็คเก็ตส์ (จำนวนบิตของข้อมูลในหน่วยวินาที) ความเร็วระดับมดวิ่งนั่นแหละ แค่สัก 100 ล้านบิตต่อวินาที อย่าลืมว่า ตั้ง 8 บิต จึงจะได้ไบต์ 





Then, when you click on the "Properties" button, another window shows. To find and select the "Internet Protocol Version) option, you can see its IPaddress has been obtained automatically by the gateway/server computer (of the School Media Center).

ต่อจากนั้นเราก็คลิกปุ่ม properties เราจะพบว่า เครื่องลูกข่ายที่เราใช้อยู่ จะถูกจ่ายรหัสไอพีให้แบบอัตโนมัติ ตามที่กล่าวมาแล้ว (ถ้าจะปรับเป็นรหัสคงที่ก็ต้องมาปรับตรงนี้) แต่ปกติจะตั้งไว้ตามรูปนั่นแหละ 

  

::      ::      ::

Another one I would like to refer to is "protocol". What is it?  protocol (www.wikipedia.org) is a system of digital message formats and rules for exchanging those messages in or between computing systems and in telecommunications.  And in our network we use the TCP/IP (comes from "Transmission Control Protocol and Internet Protocol).  Now Thailand uses IPv4 protocol, but Thai government by Prime Minister Yingluck Shinawatra is going to change the Internet protocol of the country with another version, IPv6 protocol, which has more capacity and efficiency of transmission. 
โปรโตคอลคืออะไร
ในการสื่อสารทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำต้องมีการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกันนี้ อาจจะมีฮาร์ดแวร์,ซอฟท์แวร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อทำการส่งข้อมูลถึงกันและตีความหมายได้ตรงกัน จึงต้องมีการกำหนดระเบียบวิธีการติดต่อให้ตรงกัน โปรโตคอล ( Protocol ) คือระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารข้อมูล โดยสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้อง ซึ่งตัวโปรโตคอลที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ TCP/IP นอกจากนี้ยังมีการออกแบบโปรโตคอลตัวอื่นๆขึ้นมาใช้งานอีก เช่น โปรโตคอล IPX/SPX,โปรโตคอล NetBEUI และ โปรโตคอล Apple Talk
โปรโตคอล IPX/SPX
ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Novell ซึ่งทำการพัฒนามาจากตัวโปรโตคอล XNS ของบริษัท Xerox Corporation ซึ่งโครงสร้างเมื่อทำการเปรียบเทียบ
กับ OSI Model ดังรูป
ตัวโปรโตคอล IPX/SPXแบ่งออกเป็น 2 โปรโตคอลหลักคือ Internetwork Packet Exchange   ( IPX) และ Sequenced Packet Exchange (SPX) โดยโปรโตคอล IPX ทำหน้าที่ในระดับ network layer ตามาตรฐาน OSI Model มีกลไกการส่งผ่านข้อมูลแบบ connectionless,unrerelibleหมายความว่า เมื่อมีการส่งข้อมูล โดยไม่ต้องทำการสถาปนาการเชื่อมต่อกันระหว่าง host กับเครื่องที่ติดต่อกันอย่างถาวร ( host , เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการใดๆในเครือข่าย ) และไม่ต้องการรอสัญญานยืนยันการรับข้อมูลจากปลายทาง โดยตัวโปรโตคอลจะพยายามส่งข้อมูลนั้นไปยังปลายทางให้ดีที่สุด สำหรับโปรโตคอล SPX ทำหน้าที่ในระดับ transport layer ตามมาตรฐาน OSI Model โดยส่งผ่านข้อมูลตรงข้ามกับโปรโตคอล IPXคือ ต้องมีการทำการสถาปนาการเชื่อมโยงกันก่อนและมีการส่งผ่านข้อมูลที่เชื่อถือได้ ด้วยการตรวจสอบสัญญาณยืนยันการรับส่งข้อมูลจากปลายทาง
โปรโตคอล NetBEUI
โปรโตคอล NetBEUI หรือ NetBIOS Enhanced User Interface นั้น เป็นโปรโตคอลที่ไม่มี ส่วนในการระบุเส้นทางส่งผ่านข้อมูล (Non-routable Protocol)โดยจะใช้วิธีการ Broadcast ข้อมูลอกไปในเครือข่าย และหากใครเป็นผู้รับที่ถูกต้องก็จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประมวลผล ข้อจำกัดของโปรโตคอลประเภทนี้ก็คือไม่สามารถทำการ Broadcast ข้อมูลข้ามไปยัง Physical Segment อื่นๆที่ไม่ใช่ Segment เดียวกันได้ เป็นการแบ่งส่วนของเครือข่ายออกจากกันทางกายภาพ หากต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายถึงกันจะต้องใช้อุปกรณ์อย่างเช่น Router มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเครือข่าย
เนื่องมาจากอุปกรณ์บางอย่างเช่น Router ไม่สามารถจะ Broadcast ข้อมูลต่อไปยังเครือข่ายอื่นๆได้ เพราะถ้าหากยอมให้ทำเช่นนั้นได้ จะทำให้การสื่อสารระหว่างเครือข่ายคับคั่งไปด้วยข้อมูลที่เกิดจากการ Broadcast จนเครือข่ายต่างๆไม่สามารถที่จะสื่อสารกันต่อไปได้ โปรโตคอล NetBEUI จึงเหมาะที่จะใช้งานบนเครือข่ายขนาดเล็กที่มีจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เกิน 50 เครื่องเท่านั้น NetBEUI เป็นหนึ่งในสองทางเลือกสำหรับผู้ใช้งาน NetBIOS ( Network Basic Input Output System ) ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งบนโปรโตคอล TCP/IP และ NetBUEI
โปรโตคอล AppleTalk
จุดเริ่มต้นของโปรโตคอล AppleTalk เกิดขึ้นในปีค.ศ.1983 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัท Apple Computer ต้องการออกแบบชุดโปรโตคอลสื่อสารข้อมูลของตนเองขึ้น เพื่อใช้เชื่อมโยงเครือข่ายของเครื่องแบบแมคอินทอช และสามารแชร์กับอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังขยายไปสู่การเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์,เครื่องพิมพ์, Gateway และ Router ของผู้ผลิตรายอื่นๆด้วยต่อจากนั้นเครื่องแมคอินทอชและอุปกรณ์ต่างๆที่บริษัทผลิตออกมาก็ได้มีการเพิ่มส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ให้สามารถรองรับโปรโตคอลตัวนี้ได้ รวมถึงระบบปฏิบัติการ MacOS รุ่นใหม่ๆก็ได้มีการผนวกฟังก์ชั่นให้รองรับโปรโตคอลตัวนี้ได้เช่นกัน ทำให้กลุ่มผู้ใช้เครื่องแมคอินทอชสามารถเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายได้ง่ายโดยไม่ต้องไปหาซื้อ อุปกรณ์เพิ่มเติมอีก
โปรโตคอล Apple Talk ถูกออกแบบมาให้ทำงานเป็นเครือข่ายในแบบ peer-to-peer ซึ่งถือว่าเครื่องทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายสามารถเป็นเซิร์ฟเวอร์ได้ทุกเครื่องโดยไมต้องจัดให้บางเครื่องทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการโดยเฉพาะขึ้นมา ต่อมาปีค.ศ. 1989 ได้มีการพัฒนาโปรโตคอล AppleTalk ให้สนับสนุนเครือข่ายที่ใหญ่มากขึ้นได้ สามารถมีเครื่องลูกข่ายและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายได้มากกว่าเดิมเรียกว่าเป็นโปรโตคอล Apple Talk Phase 2 นอกจากนี้ยังเพิ่มโปรโตคอลที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบ Ethernet และ Token Ring ได้ โดยเรียกว่า EtherTalk และ TokenTalk ตามลำดับ
โปรโตคอลTCP/IP ( RFC1180 )
โปรโตคอล TCP/IP เป็นชื่อเรียกของชุดโปรโตคอลที่สำคัญ มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายตามการขยายตัวของอินเทอร์เนท/อินทราเนท ความจริงแล้วโปรโตคอล TCP/IP เป็นกลุ่มของโปรโตคอล หลายตัวที่ประกอบกันเป็นชุดให้ใช้งานโดยมีคำเต็มว่าTransmission Control Protocol /Internet Protocol ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีโปรโตคอลประกอบกันทำงาน 2 ตัว คือ TCP และ IP
ตัวอย่างของกลุ่มโปรโตคอลในชุดของ TCP/IP ที่เราพบและใช้งานบ่อยๆ ( ส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้งานโดยตรง แต่จะใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆหรือทำงานโดยอ้อม เช่น Internet Protocol,Address Resolution Protocol(ARP) ,Internet Control Message Protocol (ICMP) ,User Datagram Protocol (UDP) ,Transprot Control Protocol (TCP) และ Simple Mail Transfer Protocol (SMTP)
โปรโตคอลที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานในเครือข่ายอินเทอร์เนทคือ Internet Protocol (โปรโตคอล IP) เนื่องจากเมื่อโปรโตคอลอื่นๆต้องการส่งผ่านข้อมูลข้ามเครือข่ายในอินเทอร์เนทนั้น จะต้องอาศัยการผนึกข้อมูล ไปกับโปรโตคอล IP ที่มีกลไกการระบุเส้นทาง ผ่าน Gateway หรือ
Router เพื่อนำข้อมูลไปยังเครือข่ายและเครื่องปลายทางที่ถูกต้อง เนื่องจากกลไกการระบุเส้นทางจะทำงานที่โปรโตคอล IP เท่านั้นและด้วยเหตุนี้เราจึงเรียก ว่าเป็นโปรโตคอลที่มีความสามารถในการระบุเส้นทางการส่งผ่านของข้อมูลได้(Routable)
การที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถสื่อสารกันได้จำต้องมีการระบุแอดเดรสที่ไม่ซ้ำกัน เพราะไม่เช่นนั้นข้อมูลที่ส่งอาจจะไม่ถึงปลายทางได้ ซึ่งแอดเดรสจะมีข้อกำหนดมาตรฐาน ซึ่งในการใช้งานโปรโตคอล TCP/IP ที่เชื่อมโยงเครือข่ายนี้ จะเรียกว่า IP Address ( Internet Protocol Address )และ ตอนนี้รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ก็กำลังปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลของประเทศเรา ที่ขณะนี้เป็นเวอร์ชัน 4 ให้เป็นเวอร์ชั่น 6  เพื่อรองรับปริมาณของเครือข่าย และประสิทธิภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น

วิธีการสมัคร Blogger.com
เข้า http://www.blogger.com

ถ้าคุณเคยสมัครอะไรของ google ไว้แล้ว เช่น เคยสมัครเมล์ gmail ก็สามารถใช้ รหัส gmail login ในช่อง ลงชื่อเข้าใช้งานได้เลย
...หรือถ้าไม่เคยสมัครอะไร หรืออยากจะสมัครใหม่ ก็ คลิกคลิกที่ลูกศรสีส้ม สร้างบล็อคของคุณทันที



..ที่อยู่อีเมล ใส่เมล์ของเรานะครับ เมล์อะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น gmail ครับ ก็ประมาณว่า เมล์ที่เราใช้อยู่นั่นแหละครับ
..ใส่เมล์นั้นอีกครั้งครับ
..กำหนดรหัสผ่าน ตั้งขึ้นมาเลย ไม่ใช่รหัสเมล์นะครับ เป็นรหัสที่เราตั้งขึ้นเพื่อสมัคร blogger ครับ
..ชื่อที่แสดง ก็อย่างที่ในเว็บบอกครับ คือ คือนี่จะแสดงว่าเราเราโพสข้อความอะไรใน blog ของเรา หรือเขียนคอมเม้น แสดงความคิดเห็น blog ของคนอื่น
...รหัสยืนยัน ใส่รหัสสุ่มตามภาพที่ขึ้นมา
...ทำเครื่องหมายช่องสี่เหลี่ยม ยอมรับข้อตกลง ...จากนั้นคลิก ดำเนินการต่อ 


...จากข้างบนเป็นรูปแบบเก่า ของ blogger นะครับ สรุปคือ เราสมัครเข้าบัญชี blogger ครับ
...จากนี้ มาดูรูปแบบใหม่ ในการเขียน blogger ครับ



คลิกที่ บล็อกใหม่ เพื่อเริ่มสร้าง blog ได้เลยครับ
ตั้งชื่อเว็บบล็อกเลยครับ ชื่อจะปรากฏที่บนสุดของ blog เช่น ดังภาพ



ที่อยู่บล็อก ก็คือ ชื่อที่อยู่ url ของ blog นั่นเองครับ ตัวอย่างชื่อ blog

สำหรับการ ตรวจสอบความพร้อมคือ ตรวจสอบว่าชื่อที่ตั้งอยู่ ซ้ำหรือมีใครใช้อยู่หรือยัง
ถ้าขึ้น ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ ก็สามารถใช้ชื่อนี้ได้ครับ

*** ทั้งชื่อเว็บบล็อก และที่อยู่ บล็อก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลังครับ
และ 1 user ที่ใช้ login blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ครับ
ถ้าอยากสร้างอีก ก็สมัคร account blogger ใหม่ เพิ่มอีกครับ ***

เสร็จแล้วก็เลือกรูปแบบ แล้วคลิก สร้างบล็อกครับ
 เลือกได้เลยครับ
ชอบแบบไหนก็เลือกไปก่อน สามารถ เปลี่ยนแปลงภายหลังได้

พอคลิกแล้ว ระบบจะขึ้น ดังนี้ ...ผมตั้งชื่อว่า "ทดสอบสร้าง blog" นะครับ ชื่อ blog ก็เลยเป็นตามภาพ ให้คลิกที่ชื่อ blog ที่คุณตั้งขึ้นมาได้เลยครับ... เพื่อเข้าไปดูเมนูต่างๆก่อน
เมนูบนสุดรูปดินสอ สามารถคลิกเพื่อเริ่มโพสข้อความได้เลย
...สำหรับเมนูซ้ายมือ ที่อยากจะเน้นคือ เมนูหน้าเว็บ รูปแบบ แม่แบบ การตั้งค่า



ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ blog ของ blogger ก่อนครับ
ก่อนเขียน blog เราต้องทำความเข้าใจและวางแผนก่อนครับ
 

.. blog เราสามารถ เขียนข้อความต่างๆ แทรกภาพ หรือนำเสนอต่างๆได้ ...
การเขียน blog ที่ blogger
- ข้อความล่าสุด จะอยู่ที่หน้า blog
- ข้อความต่างๆที่เขียนไป จะเป็นหัวข้อ รวมอยู่ในคลังบทความของบล็อก
ให้คลิกเข้าดูที่ 
ซึ่งคำว่า "คลังบทความของบล็อก" ตัวอย่าง blog เที่ยววังน้ำเขียว http://wang-namkeaw.blogspot.com ผมแก้คำว่า คลังบทความของบล็อก เป็น "รายละเอียด การท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว" ซึ่งวิธีแก้ พอเข้าที่รูปแบบ แล้ว คลิกแก้ไข ช่องคลังบทความของบล็อก

...แล้วก็แก้ไขตามแต่จะกำหนดหัวข้อรวมหลัก ของบทความต่างๆที่เราจะนำเสนอใน blog ครับ สำหรับเมนูอื่นๆก็ลองตั้งค่าแล้วโหลดดู blog ดู ว่าจะออกมาแบบไหน ถูกใจหรือป่าวนะครับ


สำหรับรูปแบบของ blog เที่ยววังน้ำเขียว ทำไมไม่มีใน แม่แบบ ของ blogger จะอธิบายอีกทีครับ ...เกี่ยวกับคลังของบทความ เราควรวางแผนแล้วว่า บทความหรือข้อความต่างๆที่เราจะเขียน blog จะเรียงลงมา เมื่อมีผู้เข้าเยี่ยมชม blog ของเรา ผู้เยี่ยมก็จะเห็นหัวข้อเหล่านั้น และเลือกที่จะคลิกอ่านได้ เป็นผลดีในการนำเสนอ
- สำหรับบทความต่างๆ หรือข้อความต่างๆที่เราจะนำเสนอใน blog ข้อความล่าสุดจะอยู่หน้าแรกครับ หน้าแรกของ blog ควรจะเป็นเหมือนหน้ารับแขก ซึ่งออกแบบ เพื่อดึงดูดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สนใจ และอ่าน blog ..แล้วจะทำงัยล่ะ ? เมื่อข้อความต่างๆที่เรา เขียนไป เป็นหัวข้อต่างๆ ข้อความล่าสุดจะอยู่หน้าแรก ถ้าเราออกแบบ หน้าที่ดึงดูดความสนใจ ไว้เป็นหน้าแรกแล้ว ถ้าเรามีข้อความมาเขียน หรือ นำเสนออีก จะทำงัย ให้หน้าที่เราออกแบบไว้ อยู่หน้าแรก
...วิธีการง่ายๆก็คือ แต่ละบทความที่เราเขียนไป สามารถแก้ไขได้ เราเข้าไปแก้ไขบทความนั้น แก้ไขตรงวันที่ หรือจะแก้ไขเวลาด้วยก็ได้ ให้เป็นวันที่ล่าสุด เพื่อให้บทความนั้นยังอยู่หน้าแรกนั่นเอง ...อยู่ล่างๆ นะครับ คลิกที่ตัวเลือกของบทความ แล้วจะมีให้แก้ไขได้


สำหรับ ป้ายกำกับสำหรับบทความนี้: ...หมายถืง คีย์เวิร์ด สำคัญ หรือน่าสนใจ ในบทความหรือข้อความนั้นๆนะครับ เวลาโพสหรือเขียนข้อความไปแล้ว จะขึ้นเป็นข้อความ ป้ายกำกับ อยู่ล่างสุดของบทความ


..ทำความเข้าใจ การโพส หรือการเขียนข้อความ


...พอเขียนบทความต่างๆเสร็จ (เมนูต่างๆ สีตัวอักษร ลิ้งค์ แทรกรูปภาพ ลองหัดเล่น หัดเขียนดูนะครับ)
พอเขียนตกแต่งบทความต่างๆเสร็จ ก็คลิก เผยแพร่ ได้เลย ...แต่ถ้ายังไม่อยากให้บทความขึ้นที่หน้า blog ก็คลิก บันทึก ไว้ก่อนได้ครับ เผื่อว่ายังเขียนบทความไม่เสร็จ
แล้วพอเขียนเสร็จ ก้ค่อยคลิกเผยแพร่ครับ

ในเมนู 
 นี้ มีอะไรให้ออกแบบเยอะ เป็นองค์ประกอบของ blog ครับ ซึ่งแต่ละป้ายเมนู สามารถลบได้ หรือเพิ่มได้ครับ
การลบก็คลิกเข้าป้ายเมนูนั้นๆ แล้วจะมีคำว่าลบ ให้เลือกลบครับ ...สำหรับการเพิ่ม ให้คลิกที่


เพิ่ม Gadget ก็จะมีป้าย Gadget มาให้เลือก + เพิ่มเข้ามาใน blog เพื่อนำมาเป็นรูปแบบในการช่วยตกแต่งครับ

ที่ป้าย Gadget ต่างๆ เรายังสามารถย้ายที่จัดเรียงได้ด้วยนะครับ คลิกที่ป้ายที่ต้องการย้ายแล้วลากเลยครับ จะไว้ตรงไหนก็วาง
...สำหรับ Favicon ก็สามารถเปลี่ยนได้ จะเป็นส่วนของหัว blog ซึ่งการเปลี่ยน จะต้องนำรูปขนาดกว้างยาวเท่ากัน(สี่เหลี่ยมจัตุรัส) และมีขนาดไม่เกิน 100KB นะครับ

ตัวอย่าง Favicon ที่เปลี่ยน แล้วกับที่ ยังไม่เปลี่ยนนะครับ ...สำหรับการเปลี่ยน Favicon แรกๆบาวเซอร์ท่องเว็บที่เราใช้ จะยังจำอันเดิมอยู่นะครับ บางทีเราเปลี่ยนแล้วแต่ดู blog ยังไม่เปลี่ยน ไม่ต้องตกใจว่าทำไม่ได้ ลองไปดูคอมเครื่องอื่น ก็จะเป็น Favicon ใหม่ที่เราเปลี่ยนครับ หรือไม่ก็เปิดบาวเซอร์ใหม่ เช่นว่า ใช้ Mozilla Firefox เปิดดู blog ก็ลองใช้ Google Chrome เปิดดูแทน จะเห็นว่า Favicon ก็จะเปลี่ยนครับ

...คราวนี้มาดู เมนู หน้าเว็บ ...หน้าเว็บช่วยให้เราออกแบบหน้าต่างๆแยกต่างหากจากบทความได้ครับ
การเขียนหน้าเว็บ ก็คลิกเข้าคำว่า แก้ไข ก็สามารถเข้าไปเขียนตกแต่งได้ครับ

ตัวอย่างหน้าเว็บ

http://pang-oung.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ 1 หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยู่ด้านบนสุด
... คือ ปางอุ๋ง สวรรค์ นักเดินทาง ชัดๆ HD สำหรับลิ้งค์คือ http://pang-oung.blogspot.com/p/hd.html

http://siamtulip-festival.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยู่ด้านข้าง  
...จากภาพบน แต่ละหน้าเว็บ สามารถคลิกจับลากสลับจัดเปลี่ยนตำแหน่งกันได้ด้วยนะครับ โดยคลิกที่หัวช่องที่เป็นสีเข้มกว่า หรือจะคลิกเปลี่ยนกลับเป็นฉบับร่างได้ คือไม่อยากให้หน้าเว็บที่เขียนไว้แล้ว โชว์ที่ blog แต่ไม่อยากลบ 

http://talamok-phutok.blogspot.com 
blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้ไม่แสดง ???
งงมั้ยครับ ไม่แสดง แล้วจะเขียนทำไม!!! คือพอให้มันแสดงแล้วรูปแบบมันออกมาไม่สวยครับ มันไม่เข้ากับรูปแบบ แม่แบบ(template) ของ blog
...แล้วพอไม่ให้แสดง แล้วจะเอามาทำลิ้งค์ให้คนเข้าอ่านได้ยังงัย
ในเมนู ผมเพิ่ม Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ (ภาษาอังกฤษคือ Blogroll)
แล้วก็เอาลิ้งค์ต่างๆ ของ หน้าเว็บ มาใส่ที่ Gadget รายชื่อลิ้งค์
...วิธีดูว่าแต่ละ หน้าเว็บ ลิ้งค์อะไร ก็แค่เอาเม้าส์ชี้ที่หัวข้อ หน้าเว็บนั้นๆ เราก็จะเห็นครับ ก็คลิกเม้าส์ขวา แล้ว Copy Link
 
Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ
...พอเราเพิ่มลิ้งค์แล้ว เขียนอธิบายหัวข้อลิ้งค์แล้ว ...ที่ลูกศรขึ้นลงเราสามารถคลิกสลับจัดตำแหน่งได้ด้วยนะครับ 



...เอาล่ะครับ เทคนิคเต็มไปหมดเลย อย่า งง นะครับ ลองทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่ลอง ไม่หัดก็ทำไม่ได้ครับ

...มาถึงที่ติดค้างไว้ คือรูปแบบ แม่แบบ(template) ของเว็บ เที่ยววังน้ำเขียวหรือเว็บตัวอย่างต่างๆข้างต้น ทำไมไม่มีใน แม่แบบของ blogger 

การใส่แม่แบบนอกเหนือจากแม่แบบที่มี ใน blogger ทำดังนี้
เข้าไปที่ http://btemplates.com/ จะมีรูปแบบต่างๆให้เลือก ดาวน์โหลด
ไฟล์ที่โหลดมา จะเป็นไฟล์ .zip ให้เรา แตกไฟล์ .zip ออกมา จะได้เป็นไฟล์ .xml
..เราจะเอาไฟล์ .xml เข้า blog ได้อย่างไร ?

...มาที่เมนู แม่แบบ แล้วมาที่ สำรอง/กู้คืน ที่มุมบนขวา

เลือกไฟล์แม่แบบ .xml ที่เรามีในเครื่อง (ที่เราไปโหลดมา) แล้วคลิก อัปโหลด เพื่อ โหลดไฟล์ xml เข้าไปใน blog เราก็จะได้รูปแบบสวยๆมาใช้แล้วครับ







...มาดูเมนูการตั้งค่า ซะหน่อย
บางคนสงสัยครับว่า blog ที่เขียน บทความต่างๆ ยาวลงมามาก ไม่รู้จะทำงัย มาที่ เมนูการตั้งค่า โพสต์และความคิดเห็น
กำหนดได้เลยครับ จะให้บทความแสดงสูงสุดในหน้าแรกได้กี่บทความ

...อย่าลืมมาตั้ง ภาษาและการจัดรูปแบบด้วยนะครับ ...ตรงโซนเวลา สำคัญครับ เพราะเวลาเราโพสอะไรไป เวลาจะได้ตรงกับวันเวลาในประเทศไทยด้วย
เวลามาดูบทความย้อนหลัง เราจะได้รู้ว่าเราเขียนบทความนี้ วันไหน เวลาไหนนะครับ นอกนั้นก็แล้วแต่ชอบครับ ลองตั้งดู
...สำหรับหัวข้ออื่นๆที่ไม่ได้อธิบาย ลองเข้าไปลองตั้ง ลองทำ เดี๋ยวก็ทำได้ครับ
...สำหรับการลบ blog จะอยู่ที่ การตั้งค่า > อื่นๆ ครับ (เผื่อทำแล้ว อยากลบ ...ซะงั้น)

...ชื่อ blog สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ด้วยนะครับ
มาที่ เมนู การตั้งค่า > พื้นฐาน


การเผยแพร่ ...มีประโยชน์กรณีที่เรา ไม่พอใจชื่อ blog ที่ใช้อยู่ ครับ เราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนชื่อได้ครับ
หรือเราจะตั้งค่าชื่อ blog ของเรา ให้เปลี่ยนจาก ชื่อ.blogspot.com เป็น ชื่อที่เราจดโดเมนมา.com ก็ได้
โดยดูตามขั้นตอนนี้ครับ http://blog.makemoney-school.com/?p=312


1 user สามารถเขียน blog ได้ 100 blog
(ข้อมูลนานแล้วนะครับ แต่ล่าสุดก็น่าจะยังใช่อยู่ ถ้าเรายังสามารถคลิก เปิด บล็อกใหม่ได้เรื่อยๆครับ)

คลิกที่ บล็อกของฉันก็จะมีรายชื่อบล็อกต่างๆ ที่เราสร้างไว้

...ถ้าเราจะสร้างเพิ่ม ก็คลิกที่ บล็อกใหม่ครับ

user ของ blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ถ้าเราอยากสร้างมากกว่านั้น เราก็สมัคร blogger เพิ่มใหม่อีก User ครับ